คุณรู้หรือไม่ว่า โรคเบาหวานนั้นมีสัญญาณเตือนที่ให้คุณได้ทราบถึงความผิดปกติต่าง ๆ ภายในร่างกาย แล้ววันนี้เราจะพาคุณไปดูว่า คุณมี สัญญาณเตือนเบาหวาน หรือไม่ เพื่อที่จะได้รักษาได้ทันท่วงที อีกทั้งเรายังมีวิธีการดูแลตนเอง เพื่อให้ห่างไกลเบาหวานมาฝากทุก ๆ คนกันด้วย

สัญญาณเตือนเบาหวาน

เช็คเลย! สัญญาณเตือนเบาหวาน มีอะไรบ้าง

หากคุณกำลัง เป็นโรคเบาหวาน ก็จะมีสัญญาณเตือนของร่างกายที่จะบ่งบอกให้ได้รู้ เพื่อที่จะได้ไปรักษาได้ทัน แต่สัญญาณเตือนเบาหวานเหล่านั้นจะมีอะไรบ้าง และเพื่อที่ทุกคนจะได้มาเช็คตัวเองด้วย ว่ากำลังเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานแล้วหรือยัง ซึ่งอาการเตือนเหล่านั้นก็จะมีทั้งหมด 9 สัญญาณเตือน ได้แก่

  • ปัสสาวะบ่อยมากกว่าปกติ
  • มีอาการคอแห้งหรือกระหายน้ำบ่อยครั้ง
  • หิวบ่อยหรือกินจุมากว่าเดิม
  • น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • หากเป็นแผล แผลจะหายช้ากว่าปกติ
  • รู้สึกอ่อนเพลียหรือไม่มีแรงทั้ง ๆ ที่นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่
  • มีอาการตาพร่ามัวหรือมองไม่ชัดเป็นช่วง ๆ
  • มีอาการผิวหนังแห้งและคันร่วมด้วย
  • รู้สึกชาปลายนิ้วมือนิ้วเท้า หรืออาจจะรู้สึกเจ็บแปร๊บ ๆ เหมือนเข็มทิ่ม

วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นเบาหวาน

หากคุณกำลังป่วยเป็นโรคเบาหวานไม่ต้องเครียด เพราะถึงแม้ว่าโรคเบาหวานจะเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด แต่ถ้าหากคุณมีวิธีการดูแลตัวเองให้ดีก็จะสามารถช่วยลดความรุนแรง และภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ วันนี้ทางเราจึงมีวิธีการดูแลตนเอง เมื่อมีอาการเบาหวาน หรือเป็นโรคเบาหวาน หรือมีภาวะเบาหวาน มาให้กับผู้ที่กำลังเผชิญทุกท่านได้นำไปใช้กัน

1.รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ

หากใครที่มีสัญญาณเตือนเบาหวาน หรือเป็นโรคเบาหวานแล้ว ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงหรืองดอาหารที่มีสหวานมันและรสเค็ม อีกทั้งควรเลือกทานข้าวที่ไม่ขัดสี อย่างข้าวไรซ์เบอรี่ หรือข้าวกล้อง เพื่อที่จะช่วยควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือดให้เหมาะสม เนื่องจากเมื่อคาร์โบไฮเดรตเข้าสู่กระบวนการย่อยแล้ว ก็จะเปลี่ยนจากแป้งเป็นน้ำตาล หากคุณทานข้าวขัดสีก็จะทำให้ปริมาณน้ำตาลภายในร่างกายนั้นเพิ่มสูงมากขึ้นได้ อีกทั้งคุณควรกินอาหารที่มีกากใยสูง อย่างผักใบเขียวทุกชนิด และเลือกทานผลไม้ที่มีรสหวานน้อย เช่น ฝรั่ง ส้ม  แก้วมังกร และที่สำคัญนอกจากเราจะรับประทานอาหารที่เหมาะสำหรับคนเป็นโรคเบาหวานแล้ว ก็ควรที่จะต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลสูง ไม่ว่าจะเป็น น้ำอัดลม ขนมหวาน ลูกอม น้ำหวาน หรืออาหารอื่น ๆ ที่มีรสหวานและเค็ม

2.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

หากคุณได้พบว่าคุณเป็นโรคเบาหวานแล้วก็ไม่ควรที่จะนอนซม ควรลุกขึ้นมาออกกำลังกายให้สม่ำเสมอครั้งละ 20-30 นาที สัปดาห์ละประมาณ 3-4 ครั้ง หรืออาจจะออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันก็จะดีเลยทีเดียว และถ้าหากคุณได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะมีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่ควรออกกำลังกายที่พอเหมาะและเหมาะสมกับตนเอง ไม่ควรที่จะหักโหมจนเกินกำลัง เพราะจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ โดยการเลือกประเภทการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับร่างกายของตนเองจะดีที่สุด

3.ดูแลความสะอาดเท้า

อย่างที่ทราบกันดีว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานนั้นจะมีอาการชาปลายมือปลายเท้า เนื่องจากเลือดไหลเวียนได้ไม่ดีที่เกิดจากเส้นเลือดอุดตัน คุณควรล้างเท้าด้วยน้ำธรรมดาและสบู่อ่อนอ่อนเป็นประจำทุกวัน และควรเช็ดให้แห้งในทันทีเพื่อป้องกันการอับชื้นที่จะเป็นสาเหตุทำให้เกิดแผลได้ง่าย อีกทั้งควรเลือกใช้รองเท้าที่ไม่คับหรือหลวมจนเกินไป และหมั่นตรวจดูสุขภาพเท้าหรือปลายนิ้วมืออย่างสม่ำเสมอ ว่าเกิดแผลหรือมีรอยช้ำหรือไม่ และถ้าหากเกิดความผิดปกติก็ต้องรีบไปพบแพทย์ในทันที ไม่ควรปล่อยไว้ให้ลุกลามหรือเป็นหนักมากขึ้น เพราะจะยากต่อการรักษาให้หายได้

4.รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

หากใครมีน้ำหนักตัวที่มากกว่าปกติ หรือมีค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 25 ควรทำการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย เพื่อรักษาน้ำหนักตัวให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพราะถ้าหากคุณมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นหรือเป็นโรคอ้วนด้วย อาจจะทำให้การรักษาโรคเบาหวานนั้นเป็นไปได้ยากมากยิ่งขึ้น

5.พบแพทย์อย่างสม่ำเสมอเมื่อมี สัญญาณเตือนเบาหวาน

การไปพบแพทย์ตามนัด ถือว่าเป็นเรื่องที่จะต้องทำอย่างเคร่งครัด เพื่อที่จะได้รับการตรวจร่างกายตามนัดและได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง รวมทั้งการปรับแผนการดูแลรักษาที่จะต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง เพราะโรคเบาหวานหากเป็นแล้วจะไม่สามารถรักษาให้หายได้ จึงต้องประคับประคองอาการให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีไปตลอด

สัญญาณเตือนเบาหวาน

กินอย่างไรให้ห่างไกลโรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน ถึงแม้ว่าจะรักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่ก็มีการป้องกันหรือชะลอการเป็นเบาหวาน โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารในชีวิตประจำวัน เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกิน และมีสัญญาณเตือนเบาหวาน ก็ควรลดปริมาณพลังงานที่รับประทานอาหารเข้าไปในแต่ละวัน โดยการลดไขมัน แต่ยังคงต้องรับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่อย่างสมดุล โดยให้ลดพลังงานลง เช่น หลีกเลี่ยงอาหารทอดแล้วปรับเปลี่ยนเป็นอาหารต้มนึ่งแทนเพื่อลด การรับประทานไขมัน และเลือกรับประทานโดยเน้นไปที่เนื้อสัตว์ไขมันต่ำและโปรตีนจากพืช เช่น ทานปลา อกไก่ หรือเต้าหู้ เป็นต้น และการเน้นรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตที่มาจากผักธัญพืช ถั่ว ผลไม้ และนมจืดไขมันต่ำแทนการทานข้าวขาว ก็จะช่วยลดระดับน้ำตาลภายในเลือดได้ ตลอดจนการบริโภคอาหารที่มีกากใยสูง และหลีกเลี่ยง หรือจำกัดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลม น้ำหวาน หรือแม้แต่น้ำผลไม้ อีกทั้งคุณจะต้องลดการรับประทานอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน ของหมักดอง และจะต้องหลีกเลี่ยงน้ำตาลเทียม เพราะถึงแม้ว่าน้ำตาลเทียมจะควบคุมน้ำตาลได้จริง แต่จะทำให้คุณนั้นติดหวาน และอยากกินของหวานมากขึ้นกว่าเดิม

โรคเบาหวานเป็นโรคที่ไม่ติดต่อ แต่พบได้มากที่สุดและคนไทยนั้นก็เป็นโรคนี้เพิ่มสูงมากขึ้นในทุกปี และในปัจจุบันประเทศไทย ก็มีผู้ป่วยเบาหวานไม่น้อยกว่า 4 ล้านคน อีกทั้งโรคนี้ยังก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาอีกด้วย ดังนั้นเรามาเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน โดยการควบคุมปริมาณน้ำตาลกันดีกว่า วันนี้เรามีตัวช่วยดี ๆ ที่จะคอยช่วยคุณดูแลเรื่องโภชนาการอาหาร นั่นก็คือ Modish Food Design ที่จะคอยคิดค้นเมนูที่เหมาะสมให้กับทุกคน ด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและนักโภชนาการ โดยจะจัดเป็นคอร์สอาหารสำหรับผู้ป่วยที่ราคาไม่แพง พร้อมส่งตรงถึงบ้านคุณ หากอยากมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น สามารถสั่งซื้อหรือสอบถามได้ที่

โทร : 090-919-7414

Line ID : @modishfooddesign (มี@ด้านหน้า) หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40rje5924p

เพจ FB : https://www.facebook.com/modishfooddesign