ของหวานจัดเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งคนไทยเราก็กินกันไม่แพ้อาหารมื้อหลักเลย บางทีกินอาหารหลักแล้วยังต้องหาของหวานมากินเสริมเพื่อล้างปาก ทำให้การบริโภคของหวานในประเทศเรานั้นพุ่งกระฉูดเลยทีเดียว โดยปกติแล้วเราควรกินน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน แต่จากรายงานได้พบว่า อัตราบริโภคน้ำตาลของคนไทยในปี 2553 ได้เพิ่มขึ้นมากถึง 2.7 เท่าเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 20-26 ช้อนชาต่อวัน ซึ่งเกินจากปริมาณที่ได้แนะนำไปหลายเท่าตัว  และการที่เราได้รับน้ำตาลเกินความจำเป็นนี้ ก็จะถูกเปลี่ยนให้เป็นไขมันสะสม ซึ่งก็เป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ ตามมาทั้งโรคอ้วน โรคหัวใจ โรคเบาหวาน แต่เมื่อคนเรา ติดหวาน ไปแล้ว ก็มีวิธีแก้ไข แต่จะแก้อย่างไรนั้นเรามีคำตอบ

ติดหวาน

รู้สักนิด! ติดหวาน น่ากลัวอย่างไร

ถึงแม้ว่าของหวานจะเป็นของอร่อยที่หลายคนนั้นโปรดปราน และมีความสุขทุกครั้งที่ได้กิน แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการ ติดหวาน นั้น ส่งผลเสียให้กับตัวคุณได้มากกว่าที่คิดทั้งน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ระดับพลังงานในร่างกายแปรปรวน เซลล์ต่าง ๆ เสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น แถมยังทำให้เป็นสิวง่ายและหน้าแก่ก่อนวัยอันควร และที่ยิ่งไปกว่านั้นการ ติดหวาน ของคุณเสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้า โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไขมันพอกตับ และโรคมะเร็งได้ด้วย

เช็คสิ คุณกำลังติดหวานหรือเปล่า

เรามาเช็คกันก่อนดีกว่าว่าตอนนี้ คุณกำลังติดหวานอยู่หรือไม่ ซึ่งถ้าคุณมีอาการดังต่อไปนี้เกิน 5 ข้อก็รู้เอาไว้ได้เลย ว่าคุณกำลังติดหวานแล้วแน่นอน

  • มีความรู้สึกอยากที่จะกินขนมหวานที่คุณนั้นเคยกินอยู่เรื่อย ๆ
  • รู้สึกอ่อนเพลีย หงุดหงิด หรืออารมณ์ไม่ดี โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้ทานของหวาน
  • หิวบ่อย หิวง่าย มักทานจุบจิบระหว่างวัน
  • มักนึกถึงอาหารที่ชอบอยู่เรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าจะพึ่ง รับประทานเสร็จแล้วก็ตาม
  • จะต้องทานของหวานปิดท้ายมื้ออาหารเสมอ
  • จะต้องซื้อของหวานมาใส่ตู้เย็นไว้พร้อมทานตลอด
  • ชอบทานผลไม้ที่มีรสหวาน
  • ชอบทานผลไม้อบแห้งผลไม้ดอง หรือผลไม้แช่อิ่ม
  • เติมน้ำตาลในทุกเมนู ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยว ไข่เจียว น้ำพริก หรือการประกอบอาหารประเภทอื่นๆ ก็มักที่จะปรุงน้ำตาลอยู่เสมอ
  • ในมื้ออาหารมักจะเลือกดื่ม เครื่องดื่มรสหวานแทนน้ำเปล่า เช่น ชาเย็น นมเย็น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ เป็นต้น

ติดหวาน

เทคนิคเลี่ยงหวานอย่างปลอดภัย และเหมาะสม

เข้าใจดีว่าถ้าหากคุณติดหวานไปแล้วก็จะแก้ไขได้ยากแถมยังทำให้กระสับกระส่ายหรือรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ยังไม่ได้กินของหวานตามใจชอบ แต่วันนี้เรามีวิธีลดหวานแบบง่ายๆ มาแนะนำ จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย

1.ลดหวานแบบค่อยเป็นค่อยไป

ในที่นี้เราจะไม่หักดิบเรื่องของหวานแต่ควรเริ่มต้นด้วยการกินแบบลดความหวาน อย่างการลดปริมาณน้ำตาลในเมนูต่าง ๆ ให้น้อยลง ซึ่งคุณไม่ควรหักดิบด้วยการเลิกกินในทีเดียว เพราะร่างกายของคุณจะไม่ยอมรับและจะทำได้เพียงระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น แถมไม่นานคุณก็ต้องกลับมากินของหวานเหมือนเดิมและอาจจะมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย อีกทั้งการเลิกกินของหวานทั้งหมดแบบหักดิบจะทำให้ร่างกายขาดน้ำตาลได้ เช่น หน้ามืด เวียนศีรษะ คลื่นไส้ เป็นต้น เพราะฉะนั้นแล้วแทนที่เราจะเลิกทานหวานในทันทีก็ให้ทานแบบลดความหวานลงทีละน้อย ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนเพื่อที่คุณจะได้เคยชินกับความหวานที่ลดลงได้

2.น้ำเปล่า ลดความอยากของหวาน

ดื่มน้ำเปล่าให้มาก ๆ เพราะหากคุณดื่มน้ำน้อยเกินไปจนร่างกายขาดน้ำ จะทำให้รู้สึกหิว และอยากทานของหวานเพิ่มมากยิ่งขึ้น

3.กินผักใบเขียว

การกินผักใบเขียว จะช่วยทำให้ร่างกายไม่อยากน้ำตาลมากจนเกินไป แนะนำให้กินผักกันผักใบเขียวให้หลากหลายชนิด เช่น คะน้า กวางตุ้ง บล็อกเคอรี่ ผักบุ้ง เนื่องจากเป็นอาหารที่มีแคลอรีต่ำและมีเส้นใยอาหารสูงทำให้การดูดซึมของน้ำตาลนั้นช้าลงและช่วยให้ร่างกายได้ดึงน้ำตาลไปใช้ได้แบบพอดีอีกด้วย

4.กินอาหารหลากหลาย

การรับประทานอาหารหลากหลายในหนึ่งมื้ออาหาร นอกจากร่างกายจะได้สารอาหารที่ครบ 5 หมู่แล้ว ยังทำให้ร่างกายอิ่มนานมากยิ่งขึ้น แถมยังช่วยลดอาการอยากของหวาน และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี โดยแต่ละมื้อจะต้องมีทั้งข้าว โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน โดยเฉพาะโปรตีนและไขมัน ที่จะช่วยให้ระดับน้ำตาลคงที่ และทำให้รู้สึกอิ่มได้นาน มากกว่ากินข้าวหรือแป้งที่มีแต่คาร์โบไฮเดรต

5.ลดการซื้อของหวาน

หากคุณซื้อของหวานหรือเครื่องดื่มที่มีความหวานติดบ้านเป็นประจำ ก็จะยิ่งทำให้อยากของหวานมากขึ้น และควรเลือกซื้อของกินที่ลดหวานด้วยการอ่านฉลาก เพื่อจะได้รู้ว่ามีปริมาณน้ำตาลมากน้อยเท่าไหร่ อะไรทานได้และทานไม่ได้บ้าง

6.หากิจกรรม เพื่อดึงความสนใจออกจากของหวาน

หากคุณเป็นคนที่ ติดหวาน มากๆ แล้วไม่รู้จะแก้ไขยังไง เพราะเมื่อไหร่ที่อยากกินก็ต้องได้กินในทันที เพียงแค่ให้คุณลองหากิจกรรมต่าง ๆ ทำดู เช่น ดูหนัง ออกกำลังกาย ปลูกต้นไม้ ทำงานบ้าน เพราะเมื่อสมองสั่งการว่าอยากกินอะไร ความรู้สึกเหล่านั้นจะอยู่ไปประมาณ 20-30 นาที ซึ่งถ้าหากเราหันไปทำอย่างอื่นก็จะทำให้ลืมความอยากของหวานไปได้ นอกจากนี้แล้วการออกกำลังกายยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มระดับฮอร์โมนเอ็นโดรฟินที่จะทำให้อารมณ์ดีซึ่งเป็นฮอร์โมนประเภทเดียวกันกับตอนที่ได้หลั่งออกมาเมื่อคุณได้กินของหวาน

จะเห็นได้ว่าการรับประทานอาหารหวานๆ จนติดหวาน นั้นส่งผลเสียมากมายและยังทำให้เกิดโรคร้ายต่างๆ ได้อีกด้วยและนี่ก็เป็นการลดหวานแบบไม่ยากอย่างที่คิด เพราะฉะนั้นแล้วเรามาลดความหวานแล้วเติมอาหารที่มีประโยชน์ให้กับร่างกายกันดีกว่าและถ้าหากคุณอยากจะมีผู้ช่วยดีๆ ที่จะคอยดูแลเรื่องโภชนาการอาหารของคุณ ก็สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Modish Food Design ด้วยการมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและนักโภชนาการมาคอยจัดสรรเมนูที่เหมาะสมให้กับคุณ ทั้งดีแถมราคาไม่แพงพร้อมส่งตรงถึงบ้านได้เลย

สำหรับใครกำลังประสบกับปัญหาติดหวาน แล้วอยากให้มีคนดูแลก็สามารถรับคำปรึกษาเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น ได้เลยที่

โทร : 090-919-7414

Line ID : @modishfooddesign (มี@ด้านหน้า) หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40rje5924p

เพจ FB : https://www.facebook.com/modishfooddesign